วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

BJ มะลิ

เรื่องของ "ดอกมะลิ"/ Jasmin Story 

        

    ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีกับดอกไม้ไทยๆอย่างดอกมะลินะคะแต่แท้จริงแล้ว ดอกมะลิต้นกำเนิดของมันมาจากที่เมืองอินเดียโน่น มะลิมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ลำต้นมีทั้งแบบพุ่มและเป็นแบบเถาไม้เลื้อยยาวเหยียดส่วนดอกมีอยู่หลายสี สีเหลืองจะหาได้ยากที่สุดแต่ดอกมะลิสีขาวเป็นดอกที่นิยมและมีมากที่สุดค่ะและใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดเพื่อใช้ในงานพิธีทางศาสนา และพิธีต่างๆ(โดยเฉพาะที่อินเดีย)  ผสมในเครื่องดื่มเช่นชาดอกมะลิกลิ่นหอม นอกจากนั้นเชื่อว่ากลิ่นหอมของดอกมะลิจะรักษารักษาโรคประสาท ทำให้จิตใจสงบและนํ้ามันของดอกมะลิ(jasmin essential oil) สามารถรักษาพิษงูได้ ส่วนใบของดอกมะลิใช้รักษาโรคตาบางชนิดได้อีกด้วยแต่บางตำราบอกว่าดอกมะลิมีต้นกำเนิด จากทางเปอร์เชียและแคชเมียร์(จริงๆแล้วแคชเมียร์เป็นของอินเดียมาก่อน)ต่อมานำเข้าไปในยุโรบผ่านทางเสปญ(Spain)เมื่อศตวรรษที่17นี่เองค่ะ ความหมายของดอกมะลในอินเดียมักจะหมายถึงความหวังที่สูงส่งอาจเป็นเพราะว่าใช้บูชาพระ ทำพิธีกรรมทางศาสนางานแต่งงานก็เป็นได้ ส่วนในประเทศจีนหมายถึงหญิงสาวสวยรวยเสน่ห์ทางศาสนาฮินดูและศาสนามุสลิมจะหมายถึงกลิ่นหอมหวานแห่งความรักค่ะ
      ในบางแห่งจะมองว่ากลิ่นหอมของดอกมะลิมักจะก่อให้เกิดความเย้ายวนความไกล้ชิดเสน่หาความรักทางร่างกาย คงเป็นเพราะกลิ่นหอมของดอกมะลิจะช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งคลายเครียดมังคะ ถ้าจิตใจสบายเรื่องอื่นๆก็พลอยดีไปด้ว ดอกมะลิมีหลายชื่อค่ะ จัสมิน มัลลิกา มาลาตี มุลลา มาลลีและแซมปากิตา มะลิมีกลิ่นหอมหวานนุ่มนวลและเย้ายวนในทีเป็นกลิ่นที่ไม่มีพิษภัยใดๆเมื่อได้กลิ่นหอมของดอกมะลิจะรู้สึกสดชื่นมีความสุขถ้าเปรียบเทียบทางบทกวีแล้วกลิ่นดอกมะลิมักจะถูกเปรียบว่าเป็นผู้หญิงค่ะแต่เมื่อเป็นหัวนํ้าหอมหรือกลั่นเป็นหัวนํ้ามันหอมจะเรียกว่า king of essential oilsเช่นเดียวกับดอกกุหลาบจะถือว่าเป็นราชินีของหัวนํ้ามันหอมหรือqueen of essential oils เหตุที่เรียกว่าหัวนํ้ามันหอมของดอกจัสมินว่าเป็นราชาของหัวนํ้ามันหอมเพราะว่ากลิ่นดอกมะลิมักจะใช้ได้กับทั้งสองเพศคือชาย-หญิงแต่ถ้าเป็นกลิ่นหอมของดอกกุหลาบคนที่ชอบหรือใช้นํ้าหอมกลิ่นกุหลาบมักจะหมายถึงผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ

                     


    ดอกมะลิถึงว่าจะมีมากมายหลายพันธุ์แต่ไม่ใช่ทุกพันธุ์จะนํามากลั่นเป็นหัวนํ้ามันหอมหรือ  essential oil ได้มีแค่สองชนิดเองที่นำมาใช้ใน
อุตสาหกรรมนํ้าหอมคือ Jasminum Glandiflorum กับ   Jasminum Officinaleมะลิสองชนิดนี้มีส่วนประกอบทางเคมีธรรมชาติคล้ายกันค่ะ ส่วนดอกมะลิจีนคือJasmin sambacจะนําไปใช้กับอุตสาหกรรมชา คือชากลิ่นมะลิหรือ จัสมิน ที นั่นเอง    (Jasmin Tea
)

         ในหัวนํ้าหอมกลิ่นมะลิมักจะมีส่วนประกอบทางเคมีเป็นร้อยชนิดหัวนํ้าหอมเกรดชั้นหนึ่งมักจะมาจากดอกมะลิจากอินเดีย จากอียิปต์ปัจจุบันมีความต้องการสูงไม่เพียงพอ จึงมีการผลิตที่ โมร็อคโค อัลจีเรียอิตาลีและฝรั่งเศส(ที่เมือง กราสสซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตหัวนํ้ามันหอมต่างๆมาก่อน  ดอกมะลิจำนวน7.6ล้านดอกจะผลิตหัวนํ้าหอมได้เพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้นและดอกมะลิจะต้องเก็บในเวลากลางคืนจนถึงเช้าเท่านั้นเพราะว่าตอนกลางวันแสงแดดจะทำให้กลินดอกมะลิหายไปค่ะ มะลิจึงได้ชื่อว่า ราชินี ยามราตรี หรือ queen of the night
     คุณสมบัติของดอกมะลิยังเหมาะสมในการรักษาโรคทางกายด้วยคือรักษาอาการเกร็งของท่อปัสสาละ ทำให้ฮอร์โมนสมดุลย์ รักษาโรคผิว
แห้งแตกเป็นสะเก็ด อาการแพ้ที่ผิวหนัง ถ้าเอานํ้ามันหอมของดอกมะลิ ถ้านําไปผสมกับนํ้ามันหอมของดอกกุหลาบกับนํ้ามันของดอกส้มจะเป็นนํ้ามันบำรุงผิวได้ดีมีคุณภาพ
     เนื่องจากกลิ่นหอมหวานเย็นของดอกมะลิกลิ่นมักจะเป็นส่วนผสมของนํ้าหอมหรือใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอมและอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์เสมอ  จนพูดได้ว่านํ้าหอมทุกกลิ่นที่ผลิตออกมาขายจะต้องมีส่วนผสมของกลิ่นดอกมะลิเสมอ กลิ่นหอมของดอกมะลิมักจะเตือนให้นึกถึงสายลมอ่อนๆในฤดูร้อนที่โชยผ่านกลิ่นหอมของมันจะทำให้จิตใจสงบเบาสบาย ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายจึงนิยมนำไปใช้การรักษาแบบ อโรมาเธอราปีรักษาโรคเครียดทางอารมณ์ที่มีผลร้ายมาถึงทางร่างกายค่ะ
    Dogstarเชิญอ่านกลอนเกี่ยวกับความทรงจำที่แสนวิเศษเกี่ยวกับดอกมะลิซึ่งผู้ประพันธ์เป็นนักประพันธ์เอกของโลกชาวอินเดียที่พวกเรารู้จักกันแต่ขอสารภาพด็อกสตาร์ไม่ได้รู้จักงานเขียนของท่านมากนักนอกจากที่เคยถูกบังคับให้อ่านเมื่อเป็นเด็กเท่านั้นและยังบังอาจแปลงานของท่านอีกด้วยทั้งที่ความรู้ก็ไม่มี เพียงแต่อยากจะแบ่งความรู้สึกเมื่อได้อ่านกวีบทนี้แล้วมองเห็นภาพและได้บรรยากาศจนได้กลิ่นดอกมะลิและนึกถึงยาย นึกถึงดอกมะลิที่คนทางเชียงไหม่ใช้ถวายพระพุทธรูป  ใช้ในงานรดนํ้าดำหัวผู้ใหญ่และใช้คล้องคอในเทศกาลสงกรานต์กันค่ะแต่ด็อกสตาร์มีหิ้งพระเล็กๆที่ในห้องนอนด็อกสตาร์จะนำดอกมะลิวางไว้ที่พระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า  

                                                    The First Jasmines

       by Rabindranath Tagore

      

 AH, these jasmines, these white jasmines!
      เจ้าดอกมะลิสีขาวบริสุทธุ์ดอกน้อยนิด
 I seem to remember the first day when I filled my hands
      ทำให้ระลึกถึงครั้งแรกที่รู้จักถึงดอกไม้แสนหอมนี้
 with these jasmines, these white jasmines.
      ดอกไม้ดอกน้อยสีขาว ดอกมะลิที่หอมหวาน
 I have loved the sunlight, the sky and the green earth;
      ทำใหัระลึกถึงแดดสีทอง ท้องฟ้าสวยและต้นไม้เขียวชะอุ่มสดชื่น
 I have heard the liquid murmur of the river
      ฉันได้ยินเสียงสายธารไหลกระซิบผ่านโขดหินผา
 through the darkness of midnight;
      ท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี
 Autumn sunsets have come to me at the bend of the road
       แสงอาทิตย์ในฤดูไบไม้ร่วงสาดกระทบ
 in the lonely waste, like a bride raising her veil
       เหมือนเวลาเจ้าสาวเปิดผ้าคลุมหน้า
 to accept her lover.
       เพื่อต้อนรับเจ้าบ่าวในพิธีแต่งงาน
 Yet my memory is still sweet with the first white jasmines
       ฉันยังจำได้ดีถึงดอกมะลิสีขาวดอกแรกที่แสนหอมหวาน
 that I held in my hands when I was a child.
       ที่ฉันถือไว้ในอุ้งมือเมื่อยังเป็นเด็ก
 Many a glad day has come in my life,
      วันชื่นคืนสุขได้ผ่านมาหลายครั้งและยังจำได้ดี

 and I have laughed with merrymakers on festival nights.
       ฉันเคยหัวเราะกับเหล่าพ่อสื่อแม่สื่อในงานเทศกาลจับคู่
 On grey mornings of rain
       และหัวเราะให้กับสายฝนที่กระหนํ่าในยามเช้า
 I have crooned many an idle song.
       ฉันเคยร้องเพลงรักและตกอยู่ในห้วงรัก
 I have worn round my neck the evening wreath of
       ฉันยังจำได้ถึงผ้าพันคอที่แสนอบอุ่นในยามพลบคํ่า
 BAKULAS woven by the hand of love.
       ผ้าบาคูลัสที่ถักทอด้วยความรักของคนที่รักฉัน
 Yet my heart is sweet with the memory of the first fresh jasmines
       หัวใจฉันแช่มชื่นยินดีเมื่อถึงดอกมะลิดอกแรกในความทรงจำ
 that filled my hands when I was a child.
       ที่บานสพรั่งอยู่ในอุ้งมือของฉันในวัยเยาว์

1 ความคิดเห็น:

  1. ใครอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้อ่ะไรบอกได้น่ะคับเดียวจะหามาให้

    ตอบลบ